ค่าไฟฟ้าที่พุ่งสูงขึ้นทุกเดือนไม่ใช่เรื่องเล็ก และเชื่อว่าหลายบ้านกำลังรู้สึกกังวลกับบิลค่าไฟทุกเดือนที่เริ่มทำให้เงินในกระเป๋าร่อยหรอไปเรื่อย ๆ จนต้องหาโซลูชันใหม่ ๆ ในการช่วยลดภาระนี้อย่างยั่งยืน อย่างการติดโซลาร์เซลล์ แม้ว่าจะต้องใช้เงินก้อนจำนวนมาก แต่ผลตอบแทนระยะยาวอาจช่วยให้เราไม่ต้องกังวลว่าเดือนนี้จะจ่ายค่าไฟเท่าไร เพราะโซลาร์เซลล์สามารถช่วยลดค่าไฟได้จริง แต่จะรู้ได้อย่างไรว่า เราควรคำนวณการใช้ไฟฟ้าและติดโซลาร์เซลล์กี่วัตต์ ถึงจะคุ้มและลดค่าไฟได้มากที่สุด
ค่าไฟแพงขึ้นเพราะอะไร และทำไมติดโซลาร์เซลล์ถึงคุ้ม ?
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจก่อนว่า ทำไมค่าไฟฟ้าบ้านเราถึงได้เพิ่มขึ้นทุกวัน ซึ่งปัจจัยหลัก ๆ ที่ทำให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นมีดังต่อไปนี้
- ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงในตลาดโลกที่สูงขึ้น เช่น ราคาของน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่ผันผวน ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตกระแสไฟฟ้าที่ใช้พลังงานฟอสซิลเป็นหลัก
- พฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า การเปิดใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศในวันที่อากาศร้อนจัด ทำให้หน่วยไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
- การคิดค่าไฟแบบก้าวหน้า หรือ Progressive Rate ยิ่งใช้ไฟมาก ก็ยิ่งต้องจ่ายค่าไฟในราคาที่สูงมากขึ้น
ทำไมการติดโซลาร์เซลล์ถึงคุ้มค่าแก่การลงทุน ?
เพื่อมองหาโซลูชันในการประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว และยังช่วยในเรื่องสิ่งแวดล้อม การติดตั้งโซลาร์เซลล์จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ โดยมีข้อดี ดังต่อไปนี้
- ลดต้นทุนระยะยาว หลังจากติดตั้งแล้ว ไม่ต้องใช้ต้นทุนด้านเชื้อเพลิง เพียงแค่บำรุงรักษาและเปลี่ยนอุปกรณ์ตามระยะเวลาเท่านั้น ก็จะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้จำนวนมาก
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการผลิตไฟฟ้าแบบดั้งเดิม
- เพิ่มมูลค่าให้บ้าน บ้านที่มีการติดตั้งโซลาร์เซลล์มีแนวโน้มที่จะมีมูลค่าสูงขึ้น อีกทั้งหากต้องการขายต่อก็มีคนสนใจเพิ่มมากขึ้นด้วย
- ความมั่นคงด้านพลังงาน ไม่ต้องพึ่งพาพลังงานจากระบบสายส่งหลักเพียงอย่างเดียว หากเกิดไฟฟ้าดับในระบบใหญ่ บ้านของคุณก็ยังมีแหล่งพลังงานสำรองจากแสงอาทิตย์ ในกรณีที่ติดตั้งระบบกักเก็บพลังงาน

วิธีคำนวณการใช้ไฟฟ้าเบื้องต้นสำหรับการติดตั้งโซลาร์เซลล์
ก่อนจะตัดสินใจว่า โซลาร์เซลล์ควรใช้กี่วัตต์ เราต้องเข้าใจพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าในบ้านของเราก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งการคำนวณการใช้ไฟฟ้าเพื่อติดตั้งโซลาร์เซลล์ เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้เราเลือกขนาดของแผงโซลาร์เซลล์ได้เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด
ขั้นตอนที่ 1 ตรวจสอบบิลค่าไฟย้อนหลัง
นำบิลค่าไฟย้อนหลังอย่างน้อย 3-6 เดือน หรือหากเป็นไปได้ก็ดูย้อนหลังทั้งปี จากนั้นนำมาดูค่าที่สำคัญ ดังต่อไปนี้
- ค่าไฟที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน
- จำนวนหน่วยไฟฟ้าที่ใช้ในแต่ละเดือน
เพื่อที่จะดูเรื่องของความคุ้มค่า และขนาดของโซลาร์เซลล์ที่เหมาะสม
ขั้นตอนที่ 2 ประมาณการถึงการใช้ไฟฟ้าในช่วงกลางวัน
ปกติแล้ว พลังงานจากโซลาร์เซลล์จะถูกผลิตมากที่สุดในช่วงเวลากลางวัน (ประมาณ 8:00-17:00 น.) เราจึงต้องประมาณการว่าการใช้ไฟฟ้าของเราในช่วงนี้คิดเป็นสัดส่วนเท่าไรของค่าไฟทั้งหมด โดยเฉลี่ยแล้วบ้านทั่วไปจะใช้ไฟฟ้าช่วงกลางวันประมาณ 30-50% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งหมด แต่หากบ้านของคุณมีการใช้เครื่องปรับอากาศ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ในช่วงกลางวันเป็นประจำ สัดส่วนนี้ก็อาจสูงขึ้นได้
อีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้รู้ว่าในตอนกลางวันว่าใช้ไฟเท่าไร คือ การจดมิเตอร์ 2 ช่วงเวลา คือเช้า 6.00 น. ไปจนถึงเวลา 18.00 น. จากนั้นนำค่ามาลบกัน ก็จะได้ค่าเฉลี่ยการใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลากลางวันในแต่ละวัน
ตัวอย่างการคำนวณแบบประมาณการ
สมมติว่าค่าไฟต่ำสุดในรอบ 6 เดือนคือ 6,000 บาท
- หากการใช้ไฟฟ้าช่วงกลางวันอยู่ที่ 30% ค่าไฟจะอยู่ที่ 1,800 บาท
- หากการใช้ไฟฟ้าช่วงกลางวันอยู่ที่ 50% ค่าไฟจะอยู่ที่ 3,000 บาท
ในกรณีที่ใช้วิธีคำนวณการใช้ไฟฟ้า โดยการจดมิเตอร์ช่วงกลางวัน
ให้นำค่าเฉลี่ยของไฟที่ใช้ในช่วงกลางวันมาเปรียบเทียบกับปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้ในแต่ละวันของโซลาร์เซลล์ในแต่ละแบบ เพื่อที่จะติดตั้งได้คุ้มทุนมากที่สุด
ขั้นตอนที่ 3 การหาจุดคุ้มทุน
หากค่าติดตั้งทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 120,000 บาท
ใน 1 ปี จะสามารถประหยัดค่าไฟที่ 1,800 x 12 = 21,600 บาท
ระยะเวลาที่คุ้มทุนจะเท่ากับ 120,000 / 21,600 = 5.56 ปี
หมายเหตุ เป็นการคำนวณคร่าว ๆ ไม่รวมค่าเสื่อมสภาพและซ่อมบำรุง
โซลาร์เซลล์ควรใช้กี่วัตต์ ถึงจะคุ้ม ลดค่าไฟได้เท่าไร ?
เมื่อได้ตัวเลขการใช้ไฟฟ้าในช่วงกลางวันแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการจับคู่กับขนาดของระบบโซลาร์เซลล์ที่เหมาะสม หากไม่ได้ติดตั้งแบตเตอรี่เพื่อเก็บไฟไว้ใช้ในตอนกลางคืน แนะนำให้ดูหน่วยการใช้ไฟในช่วงกลางวันเป็นหลัก
ตารางเปรียบเทียบ: ขนาดโซลาร์เซลล์ และค่าไฟที่ประหยัดได้ต่อเดือน
| ขนาดระบบ (กิโลวัตต์) | ค่าไฟฟ้าที่ประหยัดได้ | ระยะเวลาคืนทุน |
| 3 กิโลวัตต์ (เฟส 1) | 1,800 บาท | ประมาณ 6 ปี |
| 5 กิโลวัตต์ (เฟส 1) | 3,000 บาท | ประมาณ 4.8 ปี |
| 10 กิโลวัตต์ (เฟส 3) | 6,000 บาท | ประมาณ 4 ปี |
ที่มา : MEAei
หมายเหตุ: ตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวเลขประมาณการ ค่าเฉลี่ยและอาจเปลี่ยนแปลงตามปัจจัยอื่น ๆ เช่น สภาพอากาศ พฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า และประสิทธิภาพของแผงโซลาร์เซลล์
ปัจจัยที่มีผลต่อขนาดของโซลาร์เซลล์
การเลือกขนาดของโซลาร์เซลล์ว่าควรใช้กี่วัตต์ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่กับจำนวนค่าไฟที่ต้องจ่าย แต่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ดังต่อไปนี้
- พื้นที่หลังคาและทิศทาง พื้นที่ติดตั้งที่เหมาะสมที่สุดคือหลังคาที่หันไปทางทิศใต้ ซึ่งจะได้รับแสงอาทิตย์ตลอดวัน และต้องไม่มีเงาบัง
- พฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า หากคุณใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าหลัก ๆ เช่น เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น ในช่วงกลางวัน การเลือกขนาดใหญ่ขึ้นก็จะช่วยลดค่าไฟได้มากกว่า
- งบประมาณลงทุนและระยะเวลาคืนทุน ขนาดของระบบที่ใหญ่ขึ้นจะมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายในการลงทุนที่สูงขึ้น ควรพิจารณางบประมาณและคำนวณระยะเวลาคืนทุนที่ยอมรับได้
- ความต้องการสำรองไฟ (กรณีใช้แบตเตอรี่) หากคุณต้องการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโซลาร์เซลล์ในช่วงกลางคืนด้วย จำเป็นต้องลงทุนเพิ่มในระบบกักเก็บพลังงาน (แบตเตอรี่) ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถใช้ไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโซลาร์เซลล์ได้ตลอดเวลา
ติดโซลาร์เซลล์กับ MEAei มีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาทุกขั้นตอน
หากคุณกำลังคำนวณว่าจะเลือกโซลาร์เซลล์กี่วัตต์ถึงจะคุ้มค่า และช่วยลดค่าไฟได้จริง MEAei พร้อมเป็นที่ปรึกษาของคุณ ด้วยบริการติดแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้าน ราคาเริ่มต้น 124,900 บาท ที่ได้มาตรฐาน ดูแลครบทุกขั้นตอน ตั้งแต่การสำรวจ วิเคราะห์การใช้ไฟ ไปจนถึงการติดตั้งจริงในราคาที่เข้าถึงได้
✅ ติดตั้งโซลาร์เซลล์สำหรับบ้าน พร้อมใช้งานจริง
✅ ประหยัดค่าไฟฟ้าได้ยั่งยืน และช่วยเพิ่มมูลค่าบ้าน
✅ บริการที่ปรึกษาด้านพลังงานจากผู้เชี่ยวชาญด้านโซลาร์เซลล์โดยตรง
สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาและแพ็กเกจราคาที่เหมาะกับคุณ โทร: 06-3247-6499 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์เพื่อขอคำปรึกษาฟรี !
ข้อมูลอ้างอิง
- ไขข้อข้องใจ ติดโซลาเซลล์ ประหยัดค่าไฟได้จริงไหม กี่ปีถึงคืนทุน. สืบค้นเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 จาก https://www.krungsri.com/th/krungsri-the-coach/loan/mortgages/solar-cell-reduce-electricity-bills

